ธรรมชาติรอบๆคนและสัตว์ก็มีสิ่งที่ประกอบกันเข้าเหมือนกันกับตัวตนของคนและสัตว์ที่มีสมบัติเป็นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อพิจารณาธาตุทั้งสี่นี้แล้วก็จะเห็นว่ามีลักษณะธรรมชาติคือ แปรปรวนได้ ไม่ว่าจะเป็นดินน้ำลมไฟรอบๆตัวเราหรือธาตุดิน น้ำ ลม ไฟที่เป็นสมบัติประกอบภายในตัวคนและสัตว์ เมื่อมีปรากฏการณ์ที่แปรปรวนภายนอกก็จะเห็นได้ดังที่มีภัยธรรมชาติเช่น แผ่นดินไหวเป็นธรณีพิบัติภัย อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หากเป็นลักษณะที่ธาตุเกิดความแปรปรวนภายในคนและสัตว์ก็จะมีอาการต่างๆดังเช่นที่ผู้เขียนกล่าวถึงในเรื่องใช้ดินกับน้ำหรือลมกับไฟนี้ ซึ่งผู้เขียนเรียกว่าเป็นสถานะสมบัติสมบัติภายในตัวที่มีความแปรปรวนได้จะอุปถัมภ์ชีวิตด้วยความไม่แน่นอนและผันผวนไป ไม่ว่าชีวิตคนเราจะมีรายได้เลี้ยงดูตนเองอย่างไรก็กำหนดสภาวะแปรปรวนของสมบัติภายในอันเป็นธาตุทั้งสี่ไม่ได้ สิ่งที่อุปถัมภ์ชีวิตจริงๆจึงเป็นสถานะสมบัติ หรือสภาวะที่มีความแปรปรวนของธาตุภายในทั้งสี่นั่นเอง ผู้เขียนได้พิจารณาธาตุทั้งสี่ภายในตัวและที่มีอยู่รอบๆตัวแล้วได้แง่คิดในความแปรปรวนของธรรมชาติของธาตุทั้งสี่ และเห็นว่าเป็นสถานะที่เป็นสมบัติที่มีในรูปกายและเหนือกว่าสมบัติที่เรียกว่าสมบัติภายนอกเช่นรายได้และทรัพย์สมบัติอื่นๆที่หามาได้ แม้สถานะสมบัติจะกำหนดไม่ได้เพราะแปรปรวนตามธรรมชาติเช่นเดียวกันกับดิน น้ำ ลม ไฟรอบๆตัวก็ตาม แต่เป็นสมบัติที่มีผลโดยตรงต่อคนและสัตว์เหนือกว่าสมบัติที่หามาภายนอกเสียอีก ทำให้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วร่างกายคนเรานั้นเป็นสมบัติเช่นเดียวกับสมบัติภายนอกหรือจะถือว่าเป็นของภายนอกตนได้เช่นเดียวกัน เพราะมีความแปรปรวนและกำหนดตามใจตนไม่ได้เหมือนกับดิน น้ำ ลม ไฟรอบๆตัว คือไม่ใช่ของๆตน ไม่เป็นไปเพื่อตน กำหนดตามใจตนไม่ได้ การที่เข้าใจดังนี้ก็จะไม่ทุกข์นักกับความแปรปรวนไปในตน ไม่เป็นทุกข์กับสถานะสมบัติไม่ว่าจะแปรปรวนไปเช่นใด การระวังในสถานะสมบัติหรือไม่ละเลยสถานะสมบัติที่แปรปรวนได้จึงช่วยให้ดำรงตนอย่างไม่เป็นทุกข์ได้