มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ ตอน ไมเคิลเรียนไม่เก่ง
เพิ่มไปรายการที่ชอบ
มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ ตอน ไมเคิลเรียนไม่เก่ง
อ่านเล่มนี้ ฟรี!
เพียงมีแพ็กเกจ Buffet Premium
ราคา
ซื้อฉบับนี้ : 35.00 ฿
เกี่ยวกับ
(2 ปีผ่านไป....)
จนถึง ป.5 แล้ว โรงเรียนที่นี่ก็ยังมีเรื่องมาเซอร์ไพรซ์แม่ได้ไม่จบไม่สิ้น
ล่าสุด ผ.อ. ออกนโยบายใหม่มาจ้าา…
“จะให้เด็กที่เรียนเก่งช่วยสอนเพื่อนที่เรียนไม่เก่ง หลังเลิกเรียนอีก 1 ชั่วโมง”
เคิล: ชั้นหวังว่าจะไม่ต้องอยู่ต่อนะ แค่นี้ชั้นก็ยุ่งมากแล้ว ชั้นต้องทำทั้งการบ้าน เรียนพิเศษ ออกกำลังกาย เล่นเกม ไหนจะอาบน้ำ กินข้าวอีก ชั้นไม่มีเวลาแล้วววว
แม่: ยูจะอยู่สอนเพื่อน หรืออยู่ให้เพื่อนสอนนะ??
(เอาจริงๆ ทุกวันนี้แม่ก็ยังไม่ชัดเจนกับเรื่องการเรียนของลูก คือหัวจะปวดทุกครั้งที่ต้องสอนการบ้านเคิล แต่คุยกับครูครั้งสุดท้ายก็ไม่เห็นครูจะว่าอะไร แล้วเคิลก็ยังไปโรงเรียนด้วยความสดใส ตั้งใจทำการบ้านทุกวัน - จนกระทั่งได้คุยกับเคิลเรื่องนี้แหละจ้าาา... ถึงบางอ้อเลยย….. เค้าสั่งสอนกันมาอย่างนี้นี่เองอ่อ ^^;)
เคิล: ชั้นก็ไม่รู้ว่าชั้นเก่งหรือไม่เก่ง
แม่: อ้าว!! ยูเรียนยังไงถึงไม่รู้ว่าตัวเองเก่งหรือไม่เก่ง
เคิล: ก็ครูไม่เคยเอาพวกเราไปเปรียบเทียบกัน หรือชี้มาที่ชั้นแล้วบอกว่า.. ไมเคิล เธอเป็นนักเรียนท้ายแถว!!! แล้วครูก็ไม่เคยบอกให้เพื่อนปรบมือให้ใคร แล้วบอกว่า เธอเก่งมาก เก่งที่สุดในห้องเลย!!!
แม่: อ่ออ.. งั้นยูก็เป็นเด็กกลางๆ สินะ
เคิล: เด็กกลางๆ ก็ไม่มีแม๊!!! ทุกคนมีพรสวรรค์หมด คนที่ไม่โดดเด่น แปลว่าเค้ายังหาตัวเองไม่เจอ
แม่: อ่ออ… คือเด็กทุกคนเก่งหมด แต่เก่งกันคนละด้าน งี้อ๋อ??
เคิล: งั้นสิ!! เลียมวาดรูปเก่ง แซมคิดเลขเก่ง ส่วนคนอื่นๆ เค้าก็มีพรสวรรค์ที่ต่างกันไป
แม่: แล้วยูเก่งอะไร
เคิล: ครูบอกว่าชั้นพิมพ์ดีดเร็วที่สุดในห้อง ชั้นสะกดคำถูกหมด แล้วครูก็ชอบทุกเรื่องที่ชั้นเขียนไปมากๆ
สุดยอดดด… ทัศนคติของเด็กที่นี่คือที่สุดแล้ว มันไม่ใช่ Ego ที่มองว่า “ชั้นเก่ง เธอไม่เก่ง” แล้วมันก็ไม่ใช่ Self Sabotage ที่มองว่า “เธอเก่ง ชั้นไม่เก่ง” แต่มันเป็น Self Esteem มันเป็นทัศนคติแบบ Collaboration จริงๆ เลย คือ “ชั้นก็เก่ง เธอก็เก่ง ยิ่งรวมกัน เราก็ยิ่งเก่ง”
ถ้าเคิลจะเขียนหนังสือ ก็ให้เลียมวาดรูปประกอบ ส่วนแซมก็เอาไปขาย… แล้วทุกคนก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน วิน-วิน-วิน “ยิ่งรวมกัน เรายิ่งเก่ง”
ทุกครั้งที่คุยกัน ไม่มีครั้งไหนเลยที่เคิลจะคิดเป็นอย่างอื่น….
และนี่คือทัศนคติของเด็ก ป.5 ในโรงเรียนรัฐบาล ที่เรียนฟรี…
เคิล: เราไม่เคยเห็นคะแนนแบบฝึกหัดของคนอื่น มีแต่คะแนนเด็กดีที่ครูติดไว้หน้าห้อง ถ้าใครสะสมได้ครบ 5 คะแนน ทั้งห้องจะได้เล่น Mindcraft 1 ชั่วโมง
เคิล: ครูบอกว่า.. ถ้าใครที่เป็นเด็กดีแล้วไม่ได้คะแนนก็ไม่ต้องน้อยใจไปนะ มันไม่ได้แปลว่าเธอไม่ได้เป็นเด็กดี มันแค่แปลว่าครูไม่เห็น!!
นี่ก็น่าทึ่งอีกกกกก เด็กดีไม่ได้มีรางวัลเป็นของตัวเองนะฮ้าาา แต่ได้รางวัลทั้งห้องเลย… คนที่ทำดีแต่ครูไม่เห็นก็ไม่ต้องน้อยใจไป ยังไงก็ได้รางวัลเหมือนกันทุกคน โห!!!
เคิล: ครูชอบให้โรงเรียนเราเป็นที่ที่แสงแดดสาดส่อง สายรุ้งวิ่งผ่าน
แม่คิดในใจ: แล้วเด็กๆ ก็มาไล่จับยูนิคอร์นกัน อยู่บนทุ่งลาเวนเดอร์
คือโลกสวยมากกกก… สดใส ไม่มีความเครียดใดๆ ในการเรียนทั้งนั้น คือ “ทุกคนเก่งหมด” และ “ทุกคนเก่งอยู่แล้ว” แล้วประโยคที่เคิลเคยเล่าไว้ตอน ป.3 ก็ลอยมาอีกครั้ง
“ครูบอกว่า ถ้าทุกคนเก่งเหมือนกันหมด โลกนี้ก็น่าเบื่อสิ!!!”
(ส่วนเล่มนี้เป็นเรื่องตอน ป.3 ค่ะ ดีต่อใจ เปิดโลกทัศน์เรื่องการศึกษามากๆ ขอฝากเรื่องของเคิลไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ ^^)
รายละเอียด
วันวางขาย :
จำนวนหน้า : 46 หน้า
ประเภทไฟล์ : PDF
ขนาดไฟล์ : 14.42 MB
ประเทศ : TH
ภาษา : Thai
จากสำนักพิมพ์ จากกอถึงฮอ
กำลังโหลด ...